รีวิวแว่นตา Lindberg Acetanium 1014 แว่นตาสุดเบา ไม่มีน็อต ใส่เหมือนไม่ได้ใส่

6.9K

รีวิวแว่นตา Lindberg Acetanium 1014 ก่อนที่เราจะไปเริ่มรีวิวนั้น ต้องเล่าก่อนว่าตัวผู้เขียนเองมีประสบการณ์ใส่แว่นมาตั้งแต่อายุ 11 ปี เนื่องจากสายตาสั้น แว่นสายตาอันแรกเป็นคุณแม่ที่ออกเงินให้ เพราะว่าเวลาที่เรียนหนังสือต้องนั่งหน้าห้องเพราะมองได้ไม่ชัด (ทั้งที่จริงก็ไม่ได้อยากนั่งหน้าห้องเท่าไรนัก)

จำได้เลยว่าประมาณช่วงอายุ 14-15 ตอนนั้นน่าจะอยู่ ม.2-3 ได้ เกิดอุบัติเหตุ ทำให้แว่นขาหักไม่สามารถใส่ได้อีก จำเป็นมากที่จะต้องซื้อแว่นใหม่ ตอนนั้นพอมีเงินเก็บอยู่บ้างจากค่าขนม ทำให้เราซื้อกรอบแว่นสายตาเอง จากตลาดนัดทั่วไป มาใส่เลนส์ตามร้านในห้าง ราคาเลนส์ตอนนั้นก็จำได้ว่าน่าจะอยู่ที่หลักพันต้น ๆ ได้ แต่กรอบน่าจะหลักร้อยเท่านั้น แต่พอใส่ได้ไม่ถึง 1 อาทิตย์ กรอบกลับแตกและมีรอยร้าว ทำให้ไม่สามารถใส่ได้เหมือนเดิม เลยต้องลำบากคุณแม่ไปตัดใหม่ให้อีกที กลายเป็นเรื่องที่ต้องเสียเงินซ้ำซ้อนไปอีก

แว่นตา Lindberg
ลองเอามาถ่ายรูปกับของรอบตัว คือสวยจ้าาาาาาาาา

เราลงทุนกับแว่นที่ค่อนข้างมีราคา แต่ก็ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อในขณะนั้นด้วย

เหตุการณ์นี้เลยเป็นที่มาฝังใจนิดนึง ทำให้เราลงทุนกับแว่นที่ค่อนข้างมีราคา แต่ก็ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อในขณะนั้นด้วยนะ ซึ่งที่ผ่านมาเราเองก็หมดกับแว่นตาไปค่อนข้างเยอะพอควร แต่นี่คือเรียกว่าเป็นรีวิวแว่นตาที่ราคาสูงสุดตั้งแต่ใส่แว่นสายตามาเลยทีเดียว

เริ่มจากแว่นสายตาที่ใช้เก่ามากแล้ว ใช้มาประมาณ 4-5 ปี และช่วง 2-3 ปี ให้หลังเริ่มใส่คอนแทคเลนส์มากขึ้นเรื่อย ๆ มากที่สุดคือ 6 วันต่อสัปดาห์ เริ่มเมินแว่นสายตา และพอยิ่งได้ Work From Home มากขึ้น คอนแทคเลนส์คือแทบไม่ได้ใส่ และหันมาพึ่งแว่นของเก่าที่เลนส์เป็นรอย ซึ่งของเก่าที่ใช้อยู่คือแว่นตาของแบรนด์ Moscot Lemtosh สีดำ ผ่านการใช้งานมาสมบุกสมบัน ก็ถึงเวลาปลดประจำการได้แล้ว

ทำไมถึงต้องเป็นแว่นตา Lindberg ?

รีวิวแว่นตา Lindberg
ขาแว่นด้านใน ใส่ชื่อโลโก้ชัดเจน

เอาจริง ตัวเลือกแรกที่เรามองหา ไม่ใช่ Lindberg แต่เป็น ic! berlin รุ่น Eric D.ซึ่งผลิตมาจาก Acetate เราเดินหาร้านที่มีรุ่นนี้หลายร้านมากในห้างก่อน ร้านส่วนมากในห้างก็มักจะเอารุ่นที่เป็นโลหะมาจำหน่ายมากกว่า เลยไม่ได้ลอง เลยกลับมาค้นหาใน Google ซึ่งมาเจอ ic! berlin รุ่นที่ต้องการในร้านของ Occura เลยบึ่งไปที่นั่น (นี่แหละเลยถึงเป็นเหตุผลว่าคนที่ทำธุรกิจทำไมถึงควรเอารีวิวหรือสินค้าลงมาขายในเว็บไซต์ จะได้หาง่าย ๆ ยังไงล่ะ และรีวิวนี้ไม่ได้มีส่วนได้กับร้านแว่นตาแต่อย่างใด จ่ายเงินช้อปแว่นตาเอง)

รีวิวแว่นตา Lindberg
ที่ขวาแว่นข้างขวาด้านใน มีระบุว่าเป็นรุ่นอะไร และ Made in Denmark

พอถึงที่ร้าน ได้ลองแว่นตา ic! berlin รุ่น Eric D. ที่เราตามหาอยู่ แต่เอาจริงพอเวลามองกระจก มันไม่เข้ากับหน้า ทั้งทรง ทั้งขา และสี เลยสอบถามพนักงานว่ามียี่ห้อไหน หรือรุ่นอะไรที่คล้ายกับที่เราต้องการไหม และบอกไปอีกว่าปกติแล้วเราเป็นคนที่เหงื่อออกมาก แว่นที่ใช้มักจะเป็นสนิมเขียว ถึงแม้จะใช้รุ่นที่เป็นพลาสติก ตรงส่วนบานพับและน็อต ก็จะเกิดสนิมเขียวอยู่ดี

ใส่แล้วเข้ากับรูปหน้าเรา คุณสมบัติได้ตามที่ต้องการ ก็เลยเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกมา

พนักงานเลยแนะนำแว่นตา Lindberg มา เพราะว่าค่อนข้างตรงกับที่เราต้องการ และเราก็เลือกรุ่นที่มีความคล้ายคลึงกับ ic! berlin รุ่น Eric D. นั่นคือ Lindberg รุ่น Acetanium 1014 ซึ่งที่ร้านจะมีสีกระให้ลอง เราได้ลองแล้วรู้สึกเลยว่า เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ใส่แล้วเข้ากับหน้ามาก น้ำหนักเบาหวิว ใส่เหมือนไม่ได้ใส่ มองกระจกเพลิน ก่อนหน้าใส่แว่นที่ไม่มีแป้นจมูก (Moscot Lemtosh ไม่มีแป้นจมูกเวลาใส่ ทำให้บางทีแว่นลื่นตกดั้งค่อนข้างบ่อย) แต่กลับเมื่อเป็น Lindberg แทบไม่มีอาการนั้นเลย

รีวิวแว่นตา ลินด์เบิร์ค
ขาแว่นซ้ายด้านใน เราสามารถเพิ่มตัวอักษรโรมันได้สูงสุด 27 ตัวอักษร เลยใส่ชื่อเล่นของตัวเองมา 1 กรุบ

จำได้ว่าทางร้านมีให้เลือกสองสี คือสีกระ กับสีดำ ซึ่งก่อนหน้านี่ก็ใส่แว่นสีดำหนา ๆ มาแล้ว เลยอยากเปลี่ยนลุคบ้าง เลยเลือกมาจาก Catalog ของ Lindberg ที่ทางร้านมีให้ เราก็ถูกใจ Lindberg รุ่น Acetanium 1014 สี A150 ไม่แน่ใจว่ามีชื่อสีเรียกอย่างเป็นทางการไหม แต่มันคือสีเทา ๆ ไล่เฉดสีแบบโปร่งใส ซึ่งถึงแม้ว่าทางร้านจะไม่มีสินค้าในตอนนี้ แต่ก็สามารถสั่งมาให้ได้

อ่านมาเสียยาว แล้วทำไมถึงต้องเป็น รีวิวแว่นตา Lindberg

  • น้ำหนักเบามาก
  • ไม่มีน็อตให้กวนใจ
  • ทำจาก Titanium น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่น ทนทาน ไม่ก่อให้เกิดอาหารแพ้ ไม่เป็นสนิม
  • บางรุ่นสามารถ Customize ได้เยอะมาก ทั้งขาแว่นหรือหน้าแว่น
  • มีให้สลักชื่อที่ขาแว่นด้านในได้ด้วย สูงสุดที่ 27 ตัวอักษร

ทำไมถึงต้องเป็นรุ่น Acetanium 1014

  • หน้าแว่นเหมือนจะกลมแต่ก็ไม่กลมดิ๊ก
    คือตัวเองเป็นคนที่มีหน้าเหลี่ยม เลยค่อนข้างถูกชะตากับแว่นที่มีลักษณะกลมแต่ก็ไม่ได้กลมดิ๊กขนาดนั้น ใส่แล้วค่อนข้างเข้ากับหน้า
  • หน้าแว่นเป็นพลาสติก Acetate
    เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่สายตาสั้นค่อนข้างมาก (ข้างละ 500 นิดๆ) ดังนั้นกรอบแว่นที่มีความหนาเล็กน้อยอย่าง Acetate จะช่วยกลบความหนาของเลนส์ได้เป็นอย่างดี ต่างจากแว่นเปลือยกรอบ และกรอบโลหะ ที่จะเห็นความหนาของเลนส์ได้ชัด
  • สีที่เลือกคือสี A150 ไม่รู้จะเรียกว่าสีอะไรดี มีเทาไล่เฉดสีแบบ Transparent
    เหมาะกับคนคิ้วบางอย่างเรา ๆ (555) เพราะกรอบไล่เฉดสีแบบกึ่งโปร่งใสจะช่วยให้คิ้วดูเด่นขึ้น มากกว่ากรอบสีดำหรือสีเข้มแบบทึบ ดังนั้นแล้วใครมีคิ้วหนามาก อาจจะลองเลือกกรอบสีเข้มกว่า ก็น่าจะโอเคกว่า
  • รุ่นนี้สามารถปรับความยาวขาได้ มีความยาวตั้งแต่ 135, 145, 155
    ซึ่งเราเลือกความยาวที่ 145 มา เพราะลองสวมแล้วแน่นกระชับดี

ขั้นตอนต่อมา การตรวจวัดสายตา ที่ Occura

ขั้นตอนต่อไปเป็นการที่ตรวจวัดสายตา แน่นอนว่าก็จะมีเครื่องสำหรับการตรวจวัดสายตา และการวัดความดันตาในเบื้องต้น วิเคราะห์อาการแพ้แสง เป็นการตรวจหาความผิดปกติในเบื้องต้น

และก็มีการตรวจวัดสายตาที่เป็นห้องแบบมาตรฐานสากล ที่มีความลึกกว่า 6 เมตร นับว่าเป็นอีกจุดเด่นของที่นี่เลยทีเดียว เพราะระยะที่ 6 เมตร จะเป็นระยะที่สายตาไม่ต้องเพ่ง และตรวจหาค่าสายตาทั้งที่มืดและที่สว่าง ได้อย่างแม่นยำ

ขั้นตอนการ Fitting แว่นสายตา อันนี้เพิ่งเคยรู้ว่าเราต้อง Fitting แว่นตาด้วย เนื่องจากตาของคนเรามีขนาดไม่เท่ากัน ขนาดของกรอบและเลนส์ก็แตกต่างกัน ดังนั้นขั้นตอนการ Fitting แว่นตาจะช่วยให้จุดที่เรามองในขณะใส่แว่นจะไปลงที่ตรงจุดไหนของเลนส์ ทางนักทัศนมาตร จะช่วยให้เลนส์ที่เราใช้งาน มองได้อย่างชัดเจนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

สรุปการวัดสายตา คือสายตาสั้นเท่ากันทั้งสองข้าง อยู่ที่ -5.xx (จำตัวเลขเป๊ะ ๆ ไม่ได้) และสายตาเอียงอยู่เล็กน้อยที่ 125 ซึ่งสายตาสั้นขนาดนี้ก็ส่งผลต่อการเลือกเลนส์ด้วย

เลือกเลนส์ยังไงดี? รีวิวแว่นตา Lindberg

รีวิวแว่นตา Lindberg
เลนส์ที่เลือกมาเป็นของ Rodenstock แบบเปลี่ยนสีได้

โดยปกติแล้วเลนส์ มักจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ใหญ่ ๆ คือ

  • Stock Lens
    เป็นเลนส์ที่มีจำหน่ายอยู่โดยทั่วไป และอาจมีสต็อกอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง ค่าสายตาก็มีให้เลือกพอสมควร และมีหลายยี่ห้อแหละหลายแบรนด์ ราคาถูกกว่าแบบ Custom Lens
  • Custom Lens
    เป็นเลนส์แบบสั่งทำ สามารถปรับแต่งได้มากกว่า Stock Lens ปรับแต่งความคมชัด รูปทรงของเลนส์ให้เข้ากับแว่นตาที่เราเลือก แต่ราคาก็สูงกว่า Stock Lens พอสมควร

ซึ่งทางเราเองเลือกเลนส์แบบ Custom Lens เพราะว่าเมื่อก่อนเลือกแต่แบบ Stock Lens และอยากได้เลนส์ที่เปลี่ยนสีได้เมื่อเจอรังสียูวี เลยเลือกเลนส์ของ Rodenstock ขนาด 1.68 ซึ่งมีขนาดบาง (แต่มีขนาดบางกว่านี้ แต่ราคาไม่บางตาม) เลือกเลนส์ที่เปลี่ยนสีได้เป็นสีเทา เพื่อให้เข้ากับกรอบของ Lindberg ที่เป็นสีเทาแบบ Gradient

ราคาทั้งหมดเท่าไร?

รีวิวแว่นตา Lindberg
คือดีมาก เบาจริงอะไรจริง คุ้มนะ สำหรับคนใส่แว่นเกือบตลอดเวลา

ราคาโดยรวมคือ 39,000 บาท แบ่งออกเป็น

  • แว่นตา Lindberg รุ่น Acetanium 1014 สี A150 ราคา 22,000 บาท
  • เลนส์ Rodenstock ขนาดความบาง 1.68 เปลี่ยนสีได้ จำนวน 1 คู่ ราคา 17,000 บาท

สิ่งที่ให้มากับแว่น Lindberg

  • กล่องแว่นสายตา
  • ผ้าเช็ดแว่น
  • คู่มือ

และแน่นอนว่ามาพร้อมกับเลนส์ Rodenstock พร้อมทั้งผ้าเช็ดแว่นจาก Occura ด้วย

คุ้มค่าไหมที่ซื้อมา?

รีวิวแว่นตา Lindberg
อันนี้พกไปตอนไปเที่ยวทะเล เปลี่ยนสีไวมาก เป็นเลนส์กันแดดได้ทันที

สำหรับเราเป็นคนที่ให้มูลค่ากับแว่นอยู่แล้ว นับว่าคุ้มค่า เพราะเมื่อใส่แว่น Lindberg พร้อมเลนส์จาก Rodenstock คือเบามาก และถูกใจมาก ใส่แว่นเหมือนไม่ได้ใส่ และช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับแว่นเก่า และยังเปรียบเสมือนแว่นกันแดดในตัว เมื่อออกแดดสีเลนส์ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเทา ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ใครที่มีสายตาผิดปกติอย่างสายตาสั้น ก็จะรู้เลยว่า การที่เรามองได้อย่างชัดเจน ภาพไม่บิดเบี้ยว เท่านี้ก็ค่อนข้างพึงพอใจเป็นอย่างมากแล้ว

รีวิวแว่นตา Lindberg แล้วจะหาซื้อแว่น Lindberg ที่ไหน?

จริง ๆ Dealer ในไทยมีค่อนข้างเยอะมาก แต่ส่วนตัวซื้อที่ Occura ซึ่งในแต่ละดีลเลอร์ก็อาจจะมีสต็อกในแต่ละรุ่นที่แตกต่างกัน แนะนำว่าให้เลือกรุ่นที่ต้องการในใจไว้ก่อน แล้วค่อยสอบถามร้านค้าว่ามีสินค้าหรือไม่ สำหรับการไปลองใส่จริงที่ร้าน แนะนำว่าการเลือกแว่นควรลองใส่จริงก่อน เพื่อให้ได้กรอบที่ถูกใจและเข้ากับหน้าเรามากที่สุด และที่ร้านมีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำเราได้เป็นอย่างดีด้วย

rabbitor.net

ติดตาม Social Media และเว็บไซต์ในเครือได้ที่นี่
Close
💚 เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่านได้เลย! เจอคอนเทนต์ที่ถูกใจอ่านจบแล้ว แชร์ให้ด้วยนะ💚
Close