เขาหลวง สุโขทัย คีรีมาศ เดินป่า เดินเขา รีวิวทริป 3 วัน 2 คืน เดินยากไหม เดินทางไปอย่างไร แบบละเอียด

5K

เขาหลวง สุโขทัย คีรีมาศ เดินป่า เดินเขา รีวิวเดินยากไหม สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่คนที่เดินป่าหรือเดินเขาเป็นประจำ เป็นมือสมัครเล่น เพราะฉะนั้นรีวิวนี้จะเน้นรายละเอียดการเดินทางว่า ควรจะเริ่มขึ้นรถที่ไหน เดินทางอย่างไร และรีวิวความสวยงามของสถานที่ด้วย

ทริปนี้มีจุดเริ่มต้นจากเพื่อนที่ชอบเดินป่า เดินเขาอยู่บ่อย ๆ ชวนทริปเที่ยวปลายปี เน้นเดินป่าขึ้นเขา แต่ไม่ต้องการเจอคนเยอะมาก ไม่ต้องการความแออัด และเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกล สามารถเดินทางโดยรถทัวร์หรือรถส่วนตัวได้ (เพราะว่ามีคนในทีมที่ไม่ชอบการนั่งเครื่องบิน) หวยจึงมาออกที่ เขาหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เพราะว่าเข้าทางเราทั้งหมดพอดี ไม่ว่าจะเป็น เป็นเมืองรองที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ซึ่งสถานที่เขาหลวงนั้นมีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จริง ๆ ครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 อำเภอในจังหวัดสุโขทัยด้วยกันคือ อำเภอคีรีมาศ อำเภอเมือง และอำเภอบ้านด่านลานหอย นับว่าเป็นอุทยานที่ใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว

วันที่เราเริ่มทริปคือวันที่ 21-23 ธันวาคม 2565 เป็นช่วงวันพุธถึงวันศุกร์ เพราะไม่ต้องการเจอคนเยอะ และหลีกเลี่ยงช่วงเทศกาล ไม่ต้องการความวุ่นวายนั่นเอง ทริปนี้จึงสบาย ๆ รถโล่ง และคนที่ไปถึงเขาหลวงก็น้อยมากด้วย อีกทั้งเป็นช่วงที่อากาศเย็น ๆ หนาว ๆ เหมาะกับการท่องเที่ยวการเดินเขาเดินป่าอีกด้วย

เขาหลวง สุโขทัย คีรีมาศ เดินป่า เดินเขา รีวิวทริป 3 วัน 2 คืน

เริ่มต้นออกเดินทาง จากกรุงเทพฯ สู่สุโขทัย ด้วยรถทัวร์ ออกจากหมอชิต 2

การเดินทางของเรานั้นเริ่มจากหมอชิต 2 โดยการจองตั๋วจาก บขส. รถทัวร์เส้นทางจากกรุงเทพฯ-อุตรดิตถ์ โดยรถทัวร์จะออกจากหมอชิต ช่วงเวลา 21.00 น. ของวันที่ 21 ธันวาคม 2565 จะมีแวะพักเล็กน้อยช่วงจังหวัดนครสวรรค์ ไม่เกิดครึ่งชั่วโมง ก็สามารถแวะซื้อของ เข้าห้องน้ำในช่วงเวลานั้นได้ ซึ่งจะถึงตัวอำเภอที่คีรีมาศในช่วงเวลา 03.00 น. ของวันที่ 22 ธันวาคม 2565 (ใช่แล้วคุณอ่านไม่ผิด เวลาตีสามพอดี ใช้เวลาเดินทางราว 6 ชั่วโมง) มูลค่าตั๋วอยู่ที่ประมาณ 500 บาท ซึ่งเราจองขากลับไว้ด้วย รวมมูลค่าไปกลับอยู่ที่ 1,000 บาท ต่อ 1 คน

ที่เลือกเดินทางโดยรถทัวร์นั้นมีสาเหตุมาจากว่า ไม่ต้องการเหนื่อยจากการขับรถ เพราะถ้าขับรถมาเองคนที่ขับก็จะเหนื่อยมาก เพราะจะใช้เวลาค่อนข้างนานหลายชั่วโมง ทำให้เกิดอาการเพลียก่อนที่จะเดินป่าได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็จำเป็นที่จะต้องหาโรงแรมเพื่อพักก่อน ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการเดินทางนานขึ้นไปอีก จึงเลือกเป็นเดินทางในรถทัวร์ช่วงค่ำ เลยไปนอนไปในตัว ถึงที่หมายก็เช้าตรู่พอดี (เอาจริง ๆ ก็หลับ ๆ ตื่น ๆ นะเออ)

ถึงที่หมายจุดแรก อำเภอคีรีมาศ สุโขทัย ตอนตีสาม เรียกรถมารับเพื่อต่อไปยังอุทยาน

ศาลแม่ย่า
รูป 7-11 ฝั่งเยื้องตรงข้าม เข้าไปสอบถามได้เลย ถ้าไม่เจอวิน ขออภัยที่ภาพมัว เพราะงัวเงียมาก ฮ่าาา

บขส. จะจอดที่บริเวณศาลแม่ย่า ซึ่งเป็นตัวเมืองของอำเภอคีรีมาศ ซึ่งเท่าที่สอบถามมาจะจอดที่นี่ที่เดียว แนะนำว่าให้แจ้งเจ้าหน้าที่ประจำรถก่อนว่าจอดจุดนี้หรือไม่ แต่ปกติจอด ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงตีสามพอดี พอขนของลงเสร็จ ตรงนั้นจะมีศาลาพักคอยแนะนำว่าขนของเอาไว้ตรงนั้น ต่อมาคือการหารถเมื่อมารับไปยังอุทยานแห่งชาติรามคำแหง หรือเขาหลวง โดยปกติแล้วถ้าเป็นเช้าวันเสาร์ จะมีวินมอเตอร์ไซค์ประจำอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว (คนที่รับจ้างส่งบอกว่าตีสามก็ยังมีวินรับส่งอยู่ เพราะวันเสาร์คนจะมาเขาหลวงเยอะมาก ตรงนั้นเป็นจุดรับส่ง) แต่วันที่เราไปเป็นเช้าวันพุธ ซึ่งแนะนำว่าให้ไปที่ 7-11 ที่อยู่ฝั่งเยื้องตรงข้ามของศาลาพักคอย และสามารถขอเบอร์โทรคนที่รับส่งไปยังเขาหลวงได้จากพนักงาน 7-11 ได้เลย เพราะคนแถวนั้นรู้กันดี ซึ่งถึงตีสาม ก็สามารถโทรหาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเขามาเพื่อรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว  ที่ไม่ได้ลงเบอร์โทรไว้ในรีวิวเลย เพราะว่าเป็นเบอร์โทรส่วนตัวของคุณลุงที่รับจ้าง ไม่ใช่บริษัทห้างร้านแต่อย่างใด

แต่เราไปถึงซึ่งตอนนั้นไม่รู้ข้อมูลนี้ (ก็รอกันไปจ้า 555) เพราะว่าไม่มีวิน จนตอนตีสี่ แวะไปยัง 7-11 ฝั่งเยื้องตรงข้าม เพื่อหาอะไรกิน และถามน้องพนักงาน 7-11 เลยได้เบอร์มาพอดี เลยโทรถามคุณลุง แจ้งว่าเรามากันกี่คน เพราะถ้ามาคนเยอะ ลุงจะเอารถกระบะมารับ เพราะจะได้ขนพวกกระเป๋าเป้ได้ด้วย แต่บางคนมาคนเดียว ลุงก็จะเอาวินมารับแทน ในทริปนี้เรามากัน 4 คน เพราะฉะนั้นเลยบอกกับลุงว่าเอารถกระบะมารับจะดีกว่า ซึ่งค่าบริการอยู่ที่คนละ 150 บาท เราไปกัน 4 คน ก็ 600 บาท สำหรับถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว ก็คนละ 150 บาท เช่นกัน ซึ่งตอนขากลับ เราก็ค่อยโทรเรียกลุงมารับก็ได้เช่นกัน

ซึ่งหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงลุงก็มารับด้วยรถกระบะ ลุงชวนคุยเก่งมาก เราก็ถามไปเรื่อยว่าเขาหลวงปกติคนมาเยอะไหม เป็นอย่างไรแถวนี้ ลุงก็บอกว่าโดยปกติแล้วถ้าเป็นวันธรรมดา จะมีคนมาเขาหลวงปกติ 20-30 คนต่อวัน แต่ถ้าเป็นวันเสาร์ อาจทะลุถึง 100 คนต่อวันเลยทีเดียว

ถึงอุทยานแห่งชาติรามคำแหง เตรียมตัวให้พร้อมก่อนขึ้นเขา

ด่านตรวจ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง
บริเวณหน้าด่านตรวจ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง

จุดแรกที่มาถึงนั่นคือ ด่านตรวจอุทยานแห่งชาติรามคำแหง คุณลุงามาถึงจุดนี้ ก็จำเป็นที่ต้องลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ก่อน เพื่อให้รู้ว่าเรามากันกี่คน มากับใครบ้าง เพราะจะได้รู้ว่าจะติดต่อเราได้อย่างไร และจะมีค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท (สำหรับคนไทย) และถ้ามียานพาหะนะด้วย ก็จะมีค่าเข้ายานพาหะนะเช่นกัน มอเตอร์ไซค์ 20 บาท รถยนต์ 40 บาท

ค่าบริการ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง
ค่าบริการ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ดูได้เลยว่าราคาเท่าไร ละเอียดมาก ๆ

เข้าไปแล้ว ขับรถไปอีกหน่อย ก็จะถึง เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ถึงเวลาประมาณ 04.30 ซึ่งตอนที่เราไปถึงคือไม่มีคนเลย นั่งเหงา ๆ รอกันไป ระหว่างที่รอก็สามารถเข้าห้องน้ำ รอเช้า ๆ เพื่อไปลงทะเบียนก่อนขึ้นเขาได้ ซึ่งบอกไว้ก่อนว่าถ้าใครวางแผนมาถึงช่วงค่ำ ที่นี่ก็มีบริการบ้านพักและกางเต้นท์ได้ด้วย (แต่ต้องสอบถามราคาอีกทีนะ)  

ลงทะเบียนพร้อมชำระค่าเช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติรามคำแหง
ถึงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทำเรื่องลงทะเบียน พร้อมเช่าอุปกรณ์ ตกลงเรื่องลูกหาบให้พร้อม

หลังจากนั้นประมาณช่วง 07.00 น. ก็จะเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่เริ่มมาประจำการแล้ว โดยเริ่มจากไปที่จุดลงทะเบียน เราสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ไปได้เลยว่าขึ้นไปกันกี่คน ต้องการเช่าใช้เต้นท์กี่หลัง (ซึ่งเต้นท์หนึ่งหลังนอนได้ 3 คน) ต้องการถุงนอน ผ้าห่ม ที่รองนอนหรือไม่อย่างใด ซึ่งทริปที่เราไปในครั้งนี้มี 4 คน และเลือกเช่าอุปกรณ์ดังนี้

  • เต้นท์นอน 3 หลัง หลังละ 225 บาท รวม 675 บาท
  • ถุงนอน 4 อัน อันละ 30 บาท รวม 120 บาท
  • แผ่นรองนอน 4 แผ่น แผ่นละ 20 รวม 80 บาท
  • ค่ามัดจำขยะ 200 บาท (จะได้คืนเมื่อเราเอาขยะของเราจากด้านบนลงมา)

รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 1,075 บาท ซึ่งเราจะได้เป็นคูปองไว้สำหรับแลกเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งอุปกรณ์จะอยู่ที่พักแคมป์ด้านบน เมื่อเราเดินเขาขึ้นไปถึง แลกได้ที่จุดพักแคมป์ได้เลย

แนะนำว่าก่อนที่จะเข้ามาที่อุทยานแห่งชาติ รามคำแหง เขาหลวง สุโขทัย ควรกดเงินสดออกให้มากพอสมควร ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย เนื่องจากเมื่อเดินเขาไปยังที่พักแคมป์แล้ว สัญญาณโทรศัพท์แทบจะไม่มีเลย หรือหาได้ยากมาก ๆ เรื่องอาหารที่ซื้อบนที่พักแคมป์นั้น จำเป็นที่จะต้องใช้เงินสด เพราะการโอนเงินเป็นไปแทบจะไม่ได้เลย ไหนจะค่าลูกหาบอีก เตรียมเงินสดไว้ให้พร้อมจะดีกว่า แต่ในตัวอุทยานก่อนที่จะเดินเขานั้น ยังมีสัญญาณโทรศัพท์อยู่ มีบางร้านค้ารับโอน แต่ว่าไม่มีตู้ ATM แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นควรกดเงินสดมาตั้งแต่ตคอนอยู่ที่ 7-11 ตอนลงรถมาที่คีรีมาศเลย

มีลูกหาบหรือไม่ จ้างได้อย่างไร ราคาเท่าไร

ลูกหาบ
มีให้บริการลูกหาบ กิโลกรัมละ 25 บาท อันนี้รูปถ่ายจากค่ายพักแรมด้านบน

แน่นอนว่ามีลูกหาบ โดยเราจะไปที่จุดชั่งวัดน้ำหนักกระเป๋า ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับจุดที่ลงทะเบียน (ถามเจ้าหน้าที่ได้เลย) โดยเราจะพบกับลูกหาบที่ให้บริการเราโดยเฉพาะ ที่นี่ใช้ระบบ ลูกหาบแบบ โดยเราต้องตกลงกับลูกหาบเองตั้งแต่แรกว่าจะจ้างเอาของลงด้วยหรือไม่ ซึ่งค่าบริการอยู่ที่กิโลละ 25 บาท/เที่ยว โดยเมื่อขนขึ้นด้านบนเสร็จ ก็จ่ายเงินเลยให้กับลูกหาบ (อย่าลืมแจ้งกับลูกหาบโดยตรงว่าจะเอาลงด้วยนะ ว่าลงวันไหนอย่างไร แจ้งได้เลย ส่วนตัวลงวันถัดไป ลูกหาบรอลงพร้อมเราเลย)

ซึ่งในทริปนี้ของเรา ใช้บริการลูกหาบไปทั้งหมดรวม 16 กิโลกรัม กระเป๋า 3 ใบ เป็นเงิน 400 บาท  ต่อเที่ยว ส่วนขากลับเป็น 17 กิโลเนื่องจากต้องขนขยะกลับมาด้วย รวมเป็นเงิน 425 บาทนั่นเอง

เริ่มเดินเขา เดินป่า ไปยังจุดพักแคมป์ ใช้ระยะทางอยู่ที่ 3.7 กิโลเมตร

เขาหลวง สุโขทัย เดินป่า เดินเขา ปีนเขา
เขาหลวง สุโขทัย มีความชันค่อนข้างเยอะ ทำให้เดินแล้วเหนื่อยง่าย

รีวิว เดินเขา เดินป่า เขาหลวง สุโขทัย ที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ต้องออกตัวก่อนว่าตัวผู้เขียนเองไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการเดินป่า ปีนเขาแต่อย่างใด เป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาเท่านั้น เขาที่เคยเดินมาบ้างไม่นานมานี้ก็คงจะเป็นม่อนจอง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้นเป็นเพียงคำบอกเล่าจากประสบการณ์เท่านั้น

การเดินเขา เดินป่าที่เขาหลวงสุโขทัย คำแรกเลยที่ต้องการจะบอกมี เขามีความชันมาก คือเรียกได้ว่าการเดินแบบทางราบทั่วไป มีบ้าง แต่น้อย ส่วนมากคือการเดินขึ้น และเดินขึ้นอย่างเดียว ดังนั้นใครที่คิดว่าจะเดินเอาชิลล์ ๆ อาจจะต้องคิดใหม่ เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 08.30 น. การเดินในช่วงแรก ๆ รู้สึกได้เลยว่ายังเป็นไปอย่างสบาย ตามธรรมชาติ (ผู้เขียนอายุ 35 ปี ไม่ได้ออกกำลังกายใด ๆ เป็นพิเศษ แค่ปกติชอบเดินทางราบเป็นทุนเดิมแค่นั้น) แต่พอพ้น 500 เมตรแรก รู้สึกได้เลยว่าเหนื่อย เนื่องจากการเดิน มีแต่เดินชันขึ้นเพียงอย่างเดียว

ต้องบอกเล่าอีกสักนิดว่า เขาหลวง สุโขทัย สภาพป่าของที่นี้เป็นป่าดิบแล้ง กับป่าเบญจพรรณ ช่วงที่เราไปปีนนั้น เป็นช่วงของปลายธันวาคม ซึ่งเป็นหน้าหนาว ไม่มีฝน ดังนั้น การเดินทำได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องระวังลื่นด้วย (และแน่นอนว่าถ้าเป็นหลังจากฝนตกต้องระวังลื่นมาก ๆ) ถึงแม้อากาศจะเย็นก็จริง แต่กลับอับลม แทบจะไม่มีลมพัดผ่านเลยในช่วงการเดิน 2 กิโลเมตรแรก

 เขาหลวง สุโขทัย จุดชมวิว
จุดชมวิวแรก 1.6 กิโลเมตร ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย

ช่วงที่เราเดินไปนั้น เป็น ป่า ป่า ป่าล้วน ๆ จะมีถึงจุดชมวิวแรก อยู่ที่ระยะเดิน 1.6 กิโลเมตรแรก มีที่นั่งพักเป็นระยะ และมีจุดเติมน้ำ ซึ่งเป็นตาน้ำธรรมชาติอยู่ 2 จุดด้วยกัน ซึ่งจุดที่เราจะต้องไปให้ถึง คือค่ายพักแรม มีระยะการเดินทางอยู่ที่ 3.7 กิโลเมตร โดยผู้เขียนเองเดินทางถึงค่ายพักแรมเมื่อเวลา 12.30 น. ใช้เวลารวมกันคือ 4 ชั่วโมงพอดี

ซึ่งทางที่เราจะต้องขึ้นไปก็จะต้องผ่านจุดต่าง ๆ ดังนี้

  • ประดู่ใหญ่ 1 km
  • มออีหก 1.4 km
  • จุดชมวิว 1.6 km
  • ตะเคียนคู่ 1.9 km
  • น้ำดิบผามะหาด 2.3 km
  • ชานเบิกภัย 2.7 km
  • ไทรงาม 3 km
  • ปล่องนางนาค 3.3 km
  • พระยาแล่นเรือ 3.5 km
  • ค่ายพักแรม 3.7 km

เมื่อถึงค่ายพักแรม จะพักผ่อน หรือจะเดินต่อเพื่อไปยังจุดชมวิว อื่น ๆ ก็ได้

เขาหลวง สุโขทัย ค่ายพักแรม
ถึงแล้วจ้า ค่าพักแรม ฝ่าพันกันมาได้ 3.7 กิโลเมตร

เมื่อมาถึงค่ายพักแรมแล้ว สิ่งแรกที่ควรจะต้องทำคือติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านบน (ตรงที่ขายอาหารเครื่องดื่มนั่นแหละ) โดยยื่นคูปองที่เราได้จากข้างล่างมา เพื่อแลกเป็นสิ่งของที่เราได้เช่ามานั่นเอง เต้นท์เราก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะเอาตรงไหนก็ได้ เพราะว่าเต้นท์นั้นถูกกางมาไว้อยู่แล้ว เนื่องจากเรามาถึงเป็นคนแรก ๆ เลยเลือกเต้นท์ที่ร่ม ๆ และใช้เวลานอนพักนิดหน่อย เพราะเหนื่อยจากการเดินขึ้นมาที่เขาหลวงเป็นเวลานาน ทริปนี้เดินกัน 4 คน ใช้เวลาไปรวม 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตั้งแต่ 08.30-12.30 เราก็พักกันในเต้นท์รวมทั้งหาอะไรกินรองท้องไปด้วย ซึ่งด้านบนก็มีอาหารขายเช่นกัน ซึ่งจะมีราคาที่สูงกว่าอาหารที่อยู่ด้านล่าง (ส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องปกตินะ เพราะการที่จะเอาอาหาร น้ำดื่ม ขึ้นมาได้ จำเป็นที่จะต้องใช้ลูกหาบขนขึ้นมา ทำให้ราคาสูงพอสมควร) ซึ่งราคาอาหารที่ค่ายพักแรมเป็นไปตามลิสต์ด้านล่างนี้

อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ค่ายพักแรม
จุดชมวิวและจุดถ่ายรูปที่ค่ายพักแรม แต่เอาจริงมาถึงนะไม่อยากถ่ายรูป เพราะเหนื่อยมาก
  • เครื่องดื่มกระป๋อง 35 บาท
  • น้ำดื่มสิงห์ 35 บาท
  • มาม่าคัพ 35 บาท
  • มาม่าห่อ 35 บาท
  • ปลากระป๋อง 40 บาท
  • ขนมห่อ 35 บาท
  • ขนมปังปี๊บ 40 บาท

และก็มีรายการอาหารจานเดียวให้ด้วย ซึ่งสามารถแจ้งกับคุณลุงที่ขายอาหาร ขายของได้เลย เขาก็จะทำให้ใช้เวลานิดนึง มี 2 เมนูด้วยกัน

  • ข้าวราดกะเพราหมู 50 บาท
  • ข้าวไข่เจียว 50 บาท
ด้านบนมีร้านค้าสวัสดิการ ขายอาหารขนม น้ำ แนะนำว่าเตรียมเงินสดไว้ให้พร้อม เพราะหาสัญญาณยากมาก

ซึ่งต้องบอกก่อนว่าที่ร้านขายข้าวและขายของ จะเปิดปิดเป็นเวลา  เปิดตั้งแต่ 07.30-20.30 น. ดังนั้นควรตุนอาหารไว้ให้พร้อม จริง ๆ อันไหนสะดวกหรือเบา ๆ ก็เอาขึ้นไปเองได้ และอย่างที่แนะนำไป ข้างบนค่ายพักแรมนี้หาสัญญาณโทรทัพท์ยากมาก ควรพกเงินสดไปให้พร้อม เพราะคุณต้องจ่ายค่าลูกหาบ ไหนจะค่ากินต่าง ๆ บนนี้อีก เงินไม่พอนี่โอนไม่ได้นะ

เดินเก่งเดินไหว ก็วนไปที่จุดชมวิวทั้งหมด ยอดเขาพระเจดีย์ ยอดเขาภูกา ยอดเขาพระแม่ย่า ผานารายณ์ เขาหลวง สุโขทัย

เขาหลวง สุโขทัย แผนที่
แผนที่ ที่เราจะไปกันทั้งหมด ค่ายพักแรมแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเดินวนจากที่ค่ายพักแรมได้ เพราะทางจะเป็นวงกลม มีป้ายบอกตลอดทาง โดยเราเริ่มจากการเดินไปทางยอดเขาพระเจดีย์ก่อน ซึ่งทางเดินอยู่ทางซ้ายมือของค่าย เดินไปไม่นาน ระยะเดินอยู่ที่ 750 เมตร แต่ทางก็ยังจะมีลักษณะของความชันแฝงอยู่ โดยเราเดินทางออกมาจากค่ายพักแรมช่วง 14.00 น. เพราะการเดินครบรอบนั้นกลัวว่าจะมืดเกินไป ซึ่งยอดเขาพระเจดีย์นี้มีความสูงอยู่ที่ 1,185 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ยอดเขาภูกา
ยอดเขาภูกา จุดสูงสุดของเขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง มีที่ถ่ายรูปสวยมากๆ

ต่อมาไปที่ยอดเขาภูกา ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาหลวง มีความสูงที่ 1,244 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งจุดนี้จะเป็นทางแยกออกไปเมื่อเดินออกจากยอดเขาเจดีย์นิดนึง ระยะทางเดินไปอยู่ที่ 2.2 กิโลเมตร และแน่นอนว่าคุณต้องเดินไปกลับ ต้องเพิ่มระยะทางกานเดินไปอีก เส้นทางจะเป็นแบบขึ้น ๆ ลง ๆ และมีทางราบพอสมควร ซึ่งไม่เหนื่อยมาก (เหรอ!) แต่แนะนำมาก ๆ ว่าเป็นจุดที่ควรไปถึง เนื่องจากเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติรามคำแหง เขาหลวง สุโขทัย 1,244 เมตร และมีวิวที่สวยงามมาก เรียกได้ว่าคุ้มค่ามาก เมื่อมาถึงที่ยอดเขาภูกา ซึ่งเราใช้เวลากับที่นี่นานพอสมควร ทั้งการเดิน และการถ่ายรูปที่ยอดเขาภูกา เพราะมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก แต่ก็ต้องระวังอุบัติเหตุด้วยนะ เพราะว่าบางจุดค่อนข้างหวาดเสียวอยู่

เดินลงจากเขาภูกา มายังยอดเขาพระแม่ย่า ความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดที่ทางอุทยานแนะนำว่าควรมาดูตอนพระอาทิตย์ตกพอดี เพราะวิวจะสวยมาก เส้นขอบฟ้าตัดกับพระอาทิตย์กำลังตก ซึ่งถ้าเราเดินทางมา ก็ถึงเวลาที่จุดกำลังสวยพอดี ลมเย็นมาก ๆ ในจุดนี้ ร่างกายปะทะกับลมหนาว และแน่นอนว่ามีจุดให้ถ่ายรูปเหมือนกัน ถ่ายกันรัว ๆ

ยอดเขาพระแม่ย่า
ยอดเขาพระแม่ย่า สวยมาก ๆ ลมเย็น พัดแรงสุด ๆ

เดินมาอีกนิดต่อจากยอดพระแม่ย่า มาที่ผานารายณ์ระยะทางราว กิโลนิด ๆ ก็จะมาเจอที่ผานารายณ์จะเหมาะมากกับเป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งเวลาในช่วงนี้อาจจะไม่สัมพันธ์กันนัก ค่อยมาดูวันอื่นก็ได้ เพราะผานารายณ์ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากค่ายพักแรมมากนัก นิดเดียวเองเท่านั้น สุดท้ายเราก็วนกลับมาที่ค่ายพักแรมเรียบร้อย ซึ่งเราเดินมาค่ายที่ตั้งต้นค่าพักแรม ตั้งแต่ 14.00 น. มาถึงค่ายพักแรมอีกทีคือช่วงเวลา 17.00 น. นั่นเอง

ผานารายณ์ เขาหลวง สุโขทัย
ผานารายณ์ เขาหลวง สุโขทัย สวยงามมาก

จากนั้น ก็ถึงเวลาพักผ่อนกันจนถึงวันถัดไป ขอลิสต์รายชื่อยอดเขาและจุดชมวิวหลังจากที่เราเดินถึงค่ายพักแรม

  • ยอดเขาพระเจดีย์ ความสูง 1,185 เมตรจากระดับน้ำทะเล
  • ยอดเขาภูกา ความสูง 1,244 เมตรจากระดับน้ำทะเล
  • ยอดเขาพระแม่ย่า ความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล
  • ผานารายณ์ ความสูง 1,160 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ถึงเวลาต้องเดินกลับ ออกจากค่ายพักแรม ขากลับซึ่งเป็นทางเดียวกับขามา

ก่อนที่เราจะกลับกันนั้น เริ่มตั้งแต่ 07.30 เริ่มเก็บข้าวของและส่งคืนสิ่งของที่เช่ามาให้เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงขยะที่เราสร้างไว้ ก็ต้องนำลงไปด้วย ก็จะมีการชั่งขยะที่เราเก็บไว้ทั้งหมด และตกลงกับลูกหาบให้เรียบร้อย ซึ่งลูกหาบก็จะลงช่วงเช้าเหมือนกัน เมื่อคุยกันเสร็จว่าจะหาบลงไปกี่กิโล ลูกหาบก็จะเดินหลังจากเราเดินลงเขาไปแล้ว (แต่จากประสบการณ์จริง ลูกหาบแซงเราไปเมื่อเราเดินถึง ณ จุดหนึ่ง ฮ่า)

การเดินลงไปข้างล่าง เขาหลวง สุโขทัย เราออกเดินทาง 08.40 ค่อย ๆ เดินลง เพราะว่าการเดินลงนั้นจะไม่เหนื่อยเท่าการเดินขึ้น (แต่ก็เหนื่อยมาก ๆ อยู่ดี) ความชันคือกลัวเรื่องของการลื่นหกล้มมากกว่า ซึ่งต้องระวังมากของการเดิน ซึ่งการเดินนั้นก็จะเป็นทางเดินทางเดียวกับที่เราเดินขึ้น ก็ต้องระวังนิดนึง เนื่องจากเราอาจจะพบเจอคนที่เดินขึ้นสวนมาได้

ซึ่งการเดินลงขากลับนั้นเราใช้เวลาไวกว่าการเดินขึ้น (ก็แน่นอนล่ะสิ แต่ขาสั่นมากกกกก) เดินถึงด้านล่างจริง ๆ เวลาประมาณ 11.40 น. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นก็พักกันนิดนึง เราสามารถอาบน้ำข้างล่างได้

สุดท้ายเราก็เคลียร์ค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย จ่ายเงินค่าลูกหาบ แล้วก็หาออะไรกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ อย่าลืมเอาเงินค่ามัดจำขยะคืน ได้เงิน 200 บาท เสร็จแล้วโทรเรียกคุณลุงที่มาส่ง ให้มารับ ซึ่งเราจะให้คุณลุงไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุโขทัย อยู่ที่อำเภอเมือง ซึ่งจะเป็นคนละที่กับคีรีมาศที่เราเข้ามา ไกลกว่าเดิมเล็กน้อย ค่าบริการคนละ 200 บาท 4 คนรวม 800 บาท ซึ่งเราทิปให้คุณลุงเพิ่มไปอีก 200 บาท เนื่องจากคุณลุงบริการดี พูดคุยเป็นมิตร ให้ความรู้หลายอย่าง รวมถึงข้อมูลการเดินทางมาที่นี่ด้วย

ในระหว่างที่เรารอรถ รถจะเดินทางมาถึง 21.00 น. เป็นเที่ยวที่เดินทางจากอุตรดิตถ์ถึงกรุงเทพ แวะที่สุโขทัยเพื่อจอดรับคน เลยมีเวลาเยอะมาก เพราะเราถึงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุโขทัย เวลาประมาณ 13.00 น. เราเลยแวะที่คาเฟ่ Taste of Hatai และหาอะไรกินที่ร้านแซ่บอุดร ซึ่งใช้บริการพี่วินแถวสถานีขนส่งได้เลย และก็อย่าลืมขอเบอร์โทรที่เขาไว้เพื่อให้มารับเรากลับไปยังสถานีขนส่งด้วย

สุดท้ายเราก็เดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ เดินทางกลับก็ใช้เวลา 6 ชั่วโมง เท่ากับขาไปเช่นกัน ถึงหมอชิต 2 ชั่วงเวลา 03.00 น. จบทริปนี้ไปอย่างสนุกสนาน ได้ประสบการณ์ รวมไปถึงรู้ว่าร่างกายของเราก็ยังไหวอยู่นะ

รวมค่าใช้จ่าย เขาหลวง สุโขทัย ทั้งค่าเดินทาง (ไม่รวมค่ากิน) จากการเดินทาง

ค่าเดินทางทั้งหมดแบบไม่รวมค่ากินและค่าอาหาร สำหรับ 1 คน ในทริปนี้

  • ค่ารถทัวร์ไปกลับ กรุงเทพฯ สุโขทัย เที่ยวละ 500 บาท รวมไปกลับ 1,000 บาท
  • ค่าจ้างรถพาไปที่อุทยานแห่งชาติ เขาหลวง 150 บาท ขากลับ 200 บาท รวม 350 บาท
  • ค่าเข้าอุทยาน 40 บาทต่อคน
  • ค่าลูกหาบ กิโลกรัมละ 25 บาท กระเป๋าจำนวน 5 กิโลกรัม 125 บาท/เที่ยว รวม 250 บาท
  • ค่าเช่าถุงนอน 30 บาท
  • ค่าเช่าแผ่นรองนอน 20 บาท
  • ค่าเช่าเต้นท์ 225 บาท
  • ค่าเช่าผ้าห่ม 30 บาท
  • ค่ามัดจำขยะ 200 บาท

รวมทั้งหมด 2,145 บาท เท่านั้น แต่สิ่งที่แพงที่สุดของทริปนี้คือค่ากิน เพราะอาหารที่อยู่ข้างบนมีราคาสูง และอย่าลืมว่า เน้นย้ำเรื่องของเงินสดที่ต้องเตรียมไปให้พร้อม

เขาหลวง สุโขทัย Google Maps
เช็คตาม Google Maps ได้เลย ทำลิสต์ไว้ให้แล้ว คลิกที่รูปได้เลยจ้า

เช็คสถานที่ปักหมุดใน Google Maps ที่เราไปกัน ทริปเขาหลวง สุโขทัย ได้ที่นี่เลย

สรุป เดินป่า เดินเขา เขาหลวง สุโขทัย คีรีมาศ รีวิวทริป 3 วัน 2 คืน สิ่งที่ควรเตรียมมาให้พร้อม หรืออยากจะบอก

เดินป่า เดินเขา เขาหลวง คีรีมาศ สุโขทัย เป็นการเดินเขาที่รู้สึกว่ามีความชันมาก แต่ว่าไม่ยากเกินความสามารถของมือสมัครเล่น ซึ่งต้องรู้ก่อนว่า ถึงแม้ระยะทางจะสั้น ดูไม่ยาวมาก  แต่มีความชันสูง ตอนขาไปคือมีแต่การปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการท้อได้ง่าย แนะนำว่าถ้าเหนื่อยนัก ก็พักสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใด

แต่ความคุ้มค่าเมื่อขึ้นไปถึง คือวิวสวย ๆ การได้หยุดพักจากการติดต่อสื่อสาร หรือ Social Detox รวมไปถึงความรู้ทางด้านผืนป่า ซึ่งมีป้ายบอกเป็นระยะ อีกทั้งยังได้ความภาคภูมิใจในตัวเอง ว่าเราก็มาถึงในจุดนี้ได้ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ห้ามพลาดจริง ๆ

การเดินเขา เดินป่า เขาหลวงสุโขทัย เป็นอย่างไร

ลักษณะมีการชัน เดินขึ้นค่อนข้างเยอะ แต่มือสมัครเล่นสามารถเดินได้

ระยะการเดินเท่าไร

เดินถึงจุดพักแรมอยู่ที่ 3.7 กิโลเมตร

ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร

ค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมค่าอาหารค่ากิน) รวม 2,145 บาท

ติดตาม Social Media และเว็บไซต์ในเครือได้ที่นี่
Close
💚 เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่านได้เลย! เจอคอนเทนต์ที่ถูกใจอ่านจบแล้ว แชร์ให้ด้วยนะ💚
Close