จัดการบัตรเครดิต อย่างไร รวมไปถึงการทำอย่างไรให้มีเงินจ่ายค่าบัตรเครดิตเสมอ ประเป๋าที่ใส่บัตรเครดิตได้เยอะ และบัตรเครดิตที่ผู้เขียนใช้ประจำตอนนี้ ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นการตอบคำถามที่ลิสต์มาไว้ทั้งหมด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16%
จัดการบัตรเครดิต เยอะ ๆ ยังไง / กระเป๋าที่เก็บบัตรเครดิตได้เยอะ / บัตรเครดิตที่ใช้ประจำ
จัดการบัตรเครดิต เยอะ ๆ ยังไง ไม่ให้งง
ต้องบอกก่อนว่าตัวเองนั้นมีบัตรเครดิตที่ ราว ๆ 20+ ใบขึ้นไป ก็ถือว่ามีจำนวนที่เยอะกว่ากว่าปกติของคนทั่วไป ซึ่งยิ่งมีบัตรเครดิตเยอะ ๆ นั้น ก็ต้องใช้ทักษะในด้านของการจัดการที่สูงมากขึ้น และอาจจะต้องมีตัวช่วยเพิ่มเติมด้วย ซึ่งการ จัดการบัตรเครดิต ของผู้เขียนนั้นจะแบ่งเป็น 3 อย่างด้วยกัน
- ด้านการบันทึก ว่าแต่ละบัตรใช้ไปเท่าไร ใช้แอพตัวช่วยอย่าง Money Lover
การที่จะทำให้เรารู้ว่าแต่ละบัตรใช้เงินไปเท่าไรแล้ว ก็ต้องมีการบันทึก แน่นอนว่าตัวเลือกที่เราใช้งานเป็นประจำอยู่แล้วในด้านของรายรับรายจ่ายทั่วไป นั่นคือ Money Lover ที่จะมีระบุฟังก์ชันของบัตรเครดิตไว้ด้วย ว่าแยกเป็นบัตร ตั้งชื่อบัตรได้ ระบุวันที่ตัดรอบ ระบุวันที่กำหนดจ่ายได้ และแน่นอนว่าเราสามารถบันทึกรายจ่ายแต่ละอย่างเข้าไปที่บัตรเครดิตได้เลย เมื่อใช้รวมกับส่วนที่เป็นบัญชีรายรับรายจ่ายได้ ก็แค่กดบันทึกโอนว่ามาจากบันชีไหน ก็จะถือว่าบัตรเครดิตใบนั้นชำระแล้ว มียอดเหลืออยู่เท่าไรนั่นเอง
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนถนัดเครื่องมืออะไร บางคนถนัด Excel, Google Sheets หรือจะเป็นแอพบัตรเครดิตโดยเฉพาะอย่าง Piggipo Go ก็ใช้งานได้เช่นกัน ตามแต่สะดวกของแต่ละคนได้เลย - ด้านการแจ้งเตือน กำหนดวันตัดรอบบิล และเตือนวันจ่าย -3 วัน
สำหรับตัวเองแล้ว จะแจ้งเตือนโดยใช้ Reminders บนมือถือไอโฟนเป็นหลัก โดยจะมีการตั้ง Notification ไว้ สำหรับบัตรเครดิตทุกใบ (สามารถจัดกลุ่มของ Reminders ได้) โดยกลุ่มแรกจะเป็น Notification เตือนวันที่ตัดรอบบิล +1 วัน เช่นปกติตัดรอบบิลวันที่ 20 ก็จะตั้งแจ้งเตือนไว้วันที่ 21 นั่นเอง เพราะปกติแล้ว เราจะมักจ่ายหลังวันที่ตัดรอบบิลเลย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไฟลนก้นเมื่อถึงเวลาจริง ๆ ส่วนการแจ้งเตือนอีกชุดหนึ่งนั้นคือแจ้งเตือนวันที่จะต้องจ่าย -3 วัน เช่น กำหนดจ่ายทุกวันที่ 10 เราก็จะตั้งวันวันที่ 7 เนื่องจากว่าแต่ละเดือนมีวันที่แตกต่างกัน และเพื่อป้องกันการเกิดกระไรที่ไม่คาดฝัน ตั้งเผื่อไว้ก่อนนั่นเอง ซึ่งแจ้งเตือนแบบหลังเนี่ย ถ้าเราจ่ายวันที่หลังตัดรอบบิลไปแล้ว หลายคนก็อาจจะงงว่า แจ้งเตือนแบบนี้คงไม่ต้องก็ได้นี่หน่า แต่เรากันพลาด เพราะเคยมีเหมือนกัน ลืมจ่ายหลังวัดตัดรอบบิล แต่มีแจ้งเตือนอีกที ก็รอดไป ไม่ต้องกังวล
จัดการบัตรเครดิต ให้มีจ่ายเสมอ จ่ายตรงจ่ายเต็ม ไม่ต้องเป็นภาระของการเอาเงินในอนาคตมาใช้
ตั้งแต่ผู้เขียนใช้บัตรเครดิตมา ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าเราจะไม่ยอมเสียดอกเบี้ยให้กับธนาคารเป็นอันขาด เราจะต้องได้สิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ การที่เราจะไม่เสียดอกเบี้ย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเราควรจะจ่ายบัตรเครดิตเต็มจำนวน และตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ผู้เขียนรูดบัตรเครดิต จะเกิดการบันทึกในแอพ และโอนเงินเข้าบัญชีที่ไว้สำหรับเก็บค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับบัตรเครดิตไว้ทั้งหมด นี่เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่จะทำให้เรามีเงินที่จะพร้อมจ่ายตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะจ่ายเงินวันที่ตัดรอบบิล วันที่กำหนดจ่าย หรือว่าวันนี้ วันพรุ่งนี้ ก็จะมีเงินพร้อมจ่ายค่าบัตรเครดิตเสมอ (ในช่วงนี้มีการเปลี่ยนวันตัดรอบบิลของบางธนาคาร Citi ที่จะย้ายไป UOB ไม่ว่าจะเปลี่ยนการตัดรอบบิล เราก็จะพร้อมจ่าย)
และถ้าเป็นการผ่อน 0% เราก็แค่เอาเงินที่จะผ่อนในเดือนแรก โอนไว้ก่อนเลยในวันที่รูด เช่น ของ 10,000 บาท ผ่อน 0% 10 เดือน วันที่รูดสินค้านั้น ก็โอนเงิน 1,000 บาท เข้าบัญชีที่เก็บไว้จ่ายค่าบัตรเครดิตโดยเฉพาะ แล้วพอถึงเดือนหน้า ก็โอนเรื่อยไป 1,000 บาท จนครบ 10 เดือน ก็จะช่วยการันตีได้ว่า เราจะมีเงินพร้อมจ่ายในเดือนหน้าแน่ ๆ
พอผู้เขียนทำได้แบบนี้ ก็จะเรียกว่าไม่ได้นำเอาเงินในอนาคตมาใช้เลย (ยกเว้นกรณีผ่อน 0% เพราะเป็นเงินในอนาคตจริง ๆ แต่มันไม่มีดอกเบี้ยเลยนี่นะ) เลยจะมีเงินที่พร้อมจ่ายค่าบัตรเครดิตแบบเต็มจำนวนเสมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องจะหาเงินมาจ่ายค่าบัตรเครดิตจากไหน เพราะเราเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว
บัตรเครดิตที่ใช้ประจำตอนนี้คือบัตรอะไร

เอาจริงเรียกว่าเป็นบัตรที่ไม่เคยรีวิวจริงจังเลย นั่นคือ AEON ROP Platinum Visa เนื่องจากว่าส่วนตัวยังไม่เคยสะสมไมล์ เลยจะมาสะสมไมล์ครั้งแรก เพราะว่าบัตรเครดิตใบนี้เป็นบัตรเครดิตสะสมไมล์ใบเดียวที่สมัครไว้ตั้งแต่ช่วงที่ทำงานประจำ พอลาออกมาก็แทบจะไม่ได้สมัครบัตรใหม่เลย เนื่องจากฟรีแลนซ์สมัครบัตรเครดิตค่อนข้างยากมาก เลยได้ใช้จริงจังมาประมาณ ปีกว่า ๆ ก็เรียกว่าเป็นบัตรเครดิตที่รูดแล้วไม่ต้องคิดเยอะ ให้แต้มเลย อยู่ที่ 20 บาท = 1 คะแนน = 1 ไมล์ พอไม่รู้ว่าจะรูดบัตรไหน ก็เลยรูดบัตรนี้ไว้เป็นหลัก แต่ไว้มารีวิวเต็ม ๆ อีกทีจะดีกว่า
กระเป๋าที่เก็บบัตรเครดิตได้เยอะ ตอนนี้ใช้อะไรอยู่
จริง ๆ ก็ใช้กระเป๋าสตางค์มาเยอะพอสมควร แต่ที่ชอบและถูกใจมาก ๆ สำหรับ จัดการบัตรเครดิต ใส่บัตรเครดิตได้หลายใบ และที่เคยใช้มาก็จะมี
SECRID Twin Wallet

พอตอนที่ผู้เขียนมีบัตรเครดิตเยอะเยอะขึ้น หลักสิบใบ ตอนนั้นก็เลยมองหาเป็นกระเป๋าสตางค์ที่ใส่บัตรโดยเฉพาะ แล้วไปเจอแบรนด์นึง นั่นคือ Secrid เป็นกระเป๋าสตางค์ที่ไว้เก็บบัตรโดยเฉพาะ เลือกที่เป็นรุ่น Twin Wallet คือใช้ดี รูปร่างคล้ายกล่องเก็บบัตร ใส่บัตรได้ราว 8-12 ใบเลยทีเดียว วิธีใช้ก็ง่ายแค่ดันสลักที่ด้านหลัง บัตรเครดิตก็จะทยอยถูกดันออกมา แต่ทว่าใส่เหรียญไม่ได้ และใส่ธนบัตรได้จำกัด เน้นเรื่องของการใส่บัตรมากกว่า ซึ่งตอนนี้ปลดระวาง ไว้เก็บบัตรเครดิตที่ไม่ค่อยได้ใช้ เนื่องจากได้กระเป๋าสตางค์ใบใหม่มาแล้วนั่นเอง
Louis Vuitton รุ่น Brazza

ปกติไม่เคยใช้แบรนด์เนมเลย แต่สำหรับกระเป๋าสตางค์ LV ใบนี้ ถูกใจมาก ๆ เพราะว่าเป็นกระเป๋าสตางค์ใบยาว เลยมีช่องใส่บัตรเยอะสุด ๆ คือช่องใส่บัตรเครดิต 16 ช่อง และยังมีช่องที่ใส่ธนบัตรได้อีก 4 ช่อง มีช่องซิปไว้สำหรับใส่เหรียญได้ด้วย เรียกว่าครบ แต่เราไม่ได้ใส่เหรียญเลย แต่บัตรเครดิตเต็มที่ เลยจะทำให้กระเป๋าดูอ้วน ๆ บวม ๆ หน่อย แต่สำหรับเราคือใบนี้ครบอยู่นะ จุบัตรเครดิตได้มาก ใส่แบงก์ได้ ใส่เหรียญได้อีก แถมทนทาน ใช้ได้ยาว ๆ เลยทีเดียว