วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน รีวิว หนังสือที่ว่าด้วยการทำความสะอาดบ้านอย่างไรแบบมีหลักการ ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าการทำความสะอาดบ้านไม่ใช่สิ่งที่ควรจะต้องมองข้าม และเป็นสิงสำคัญที่จะทำความสะอาดบ้านอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เชื้อโรคและฝุ่นแพร่กระจายไปมากกว่าเดิม ซึ่งในหนังสือเล่มนี้บอกเลยว่าถูกใจคนที่รักบ้านและชอบทำความสะอาดเองอย่างแน่นอน
รีวิว หนังสือ วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน
ทำความรู้จักกับฝุ่นให้มากขึ้น ในหนังสือ วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน
ในหนังสือ วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน เล่มนี้ทำให้เราเข้าใจฝุ่นมากยิ่งขึ้น เพราะฝุ่นนั้นอยู่คู่กับการทำความสะอาดบ้านมานานแสนนาน และฝุ่นในบ้านก็มีแหล่งกำเนิดง่าย ๆที่เรายากที่จะคาดคิดเช่น
- เส้นใยจากเสื้อผ้า ที่นอน หมอน
- เศษไขมันจากผิวหนัง และเส้นผมที่หลุดร่วงของคน
- เศษดินทรายที่มาจากนอกบ้าน และฝุ่นจากภายนอก
และเมื่อเราทำความสะอาด จะเห็นว่าฝุ่นหายไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฝุ่นไม่ได้หายไปเพราะเราทำความสะอาดทั้งหมด แต่เป็นเพราะว่าฝุ่นมันฟุ้งกระจายในขณะที่เราทำความสะอาดอยู่นั่นเอง และเมื่อทิ้งระยะเวลาไปสักพัก ฝุ่นก็จะค่อย ๆ ตกลงมาลงสู่พื้น และฝุ่นมักจะรวมตัวกันเป็นจุด ๆ โดยเฉพาะที่ดังนี้
- รอบ ๆ เฟอร์นิเจอร์
- มุมบริเวณโถงทางเดือน
- บริเวณใต้เครื่องปรับอากาศ และบริเวณที่ใกล้พัดลมระบายอากาศ
- บริเวณใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นโทรทัศน์
- ริมผนังห้อง
ซึ่งฝุ่นถึงแม้จะมีปริมาณเท่าเดิมก็จริง แต่พอกระจุกตัวก็จะมองเห็นได้ง่ายขึ้น ซึ่งหลักทำการทำความสะอาดในหนังสือเล่มนี้บอกคือ การรวมรวมคราบสกปรก และเก็บกวาดสิ่งสกปรกออกไป ซึ่งแทนที่จะเราทำความสะอาดบ้านทั้งหลังเพื่อกำจัดฝุ่น แต่ในความเป็นจริงให้เน้นส่วนที่มีฝุ่นกองกันอยู่จะเบาแรงกว่า
การเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่น และข้อเสียของการใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่น

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นนับว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ของคนที่ชอบทำความสะอาดบ้านเลยทีเดียว เนื่องจากช่วยประหยัดและทุ่นแรงมนุษย์ในการทำความสะอาดแบบที่ต้องทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ อย่าง การดูดฝุ่น และบางรุ่นในปัจจุบันนั้นสามารถถูพื้นซักผ้าถู และเอาฝุ่นไปเก็บทิ้งที่แท่นได้ด้วย ซึ่งส่วนตัวก็ใช้อยู่เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S7 MaxV Ultra ซึ่งก็เคยรีวิวไปแล้ว แอบบอกว่าใช้ดีมาก ๆ
แต่ใน หนังสือ วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน ก็ระบุถึงจุดบกพร่องของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยทั่วไปไว้เช่นกัน โดยมีจุดบกพร่องอยู่ 3 อย่าง
- หุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยส่วนมากมีช่องระบายลมอยู่ใกล้พื้น ดังนั้นเมื่อเวลาทำงานก็จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศ
- ไม่สามารถดูดฝุ่นที่เกาะลงบนพื้นผิวจากความชื้นและไฟฟ้าสถิตย์ได้
- หุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลายรุ่น ยังไม่สามารถทำความสะอาดบริเวณมุมห้องได้ดีพอ
ซึ่งผู้เขียน หนังสือวิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน ได้เน้นย้ำถึงจุดบกพร่องคือข้อแรกมาก ๆ เลยเมื่อหุ่นยนต์ทำความสะอาดเสร็จ เช่นตอนเช้า เมื่อฝุ่นตกลงมาก็ให้ทำความสะอาดอีกครั้งที่บริเวณมุมและริมห้องอย่างเดียวก็ได้ เพื่อให้เป็นการทำความสะอาดครั้งสุดท้ายนั่นเอง
ซึ่งส่วนตัวในข้อ 2 นั้น ถ้าเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีระบบถูพื้นด้วยก็คิดว่าสามารถทำความสะอาดฝุ่นที่เกาะเพราะความชื้นได้ แต่ว่าแน่นอนก็ไม่สะอาดเท่าที่ถูเอง และข้อที่ 3 จากประสบการณ์ส่วนตัวคือจริงมาก ๆ มุมห้อง รอบห้อง จุดที่ใกล้เฟอร์นิเจอร์เป็นจุดบอดของหุ่นยนต์ทำความสะอาดจริง ๆ ตรงส่วนกลางห้องสะอาดมาก แต่แน่นอนว่ามุมห้อง ริมห้อง ยังมีฝุ่นในบางจุดอยู่ เลยต้องมาเก็บด้วยเครื่องดูดฝุ่นอีกครั้ง
ส่วนการเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นนั้น ในหนังสือก็แนะนำไว้เช่นกันว่า
- ควรจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย
- ช่องระบายลมควรอยู่เหนือจากพื้น ในตำแหน่งสูง
เนื่องจากว่าการที่ช่องระบายลมอยู่ในตำแหน่งที่สูงห่างจากพื้น จะช่วยให้เวลาเครื่องดูดฝุ่นทำงานนั้น ฝุ่นจะฟุ้งกระจายน้อยลง ต่างจากเครื่องดูดฝุ่นที่ช่องระบายลมอยู่ด้านล่าง ทำให้ฝุ่นบนพื้นกระจายง่ายกว่า ส่วนที่ให้เลือกแบบไร้สายก็เหมือนกัน นั่นคือสายจะเป็นตัวลากทำให้ฝุ่นฟุ้งเช่นกัน สุดท้ายผู้เขียนยังแนะนำอีกว่าการใช้เครื่องดูดฝุ่นนั้นต้องหมั่นขยับหัวดูดให้เคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความเร็ว 5-6 วินาทีต่อ 1 เมตร เพราะถ้าขยับหัวดูดเร็วไป ก็จะทำให้ฝุ่นฟุ้ง และเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดไม่เต็มประสิทธิภาพ
การทำความสะอาดต้องตั้งเป้าหมาย ว่าจะทำถึงแค่ไหน
พลังงานและความสามารถในการทำความสะอาดของแต่ละคนมีจำกัด การที่เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายและทำความสะอาดไปเรื่อย ๆ ทำให้เหมือนไม่มีจุดที่สิ้นสุด ทำความสะอาดไปแล้วก็หงุดหงิดไป ก็อาจทำให้เราไม่ชอบการทำความสะอาดได้ ดังนั้นการตั้งเป้าหมายช่วยไม่ให้เราทำงานหนักจนเกินไป และยังทำให้เราไม่ทำความสะอาดเกินขีดข้อจำกัดของตัวเองด้วย การทำความสะอาดวันละเล็กน้อย แต่ทำบ่อย ๆ ก็ยังดี ส่วนผลลัพธ์ของการทำความสะอาดก็ให้ดูที่ปริมาณฝุ่น หรือปริมาณของขยะที่ทำความสะอาดได้เป็นหลัก ช่วยให้เรารู้สึกถึงความสำเร็จในการทำคว่ามสาะอาดบ้าน และเกิดแรงจูงใจในการทำความสะอาดครั้งต่อไปด้วย
อันนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวคือจริงมาก ๆ หนังสือ วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน ค่อนข้างกล่าวได้ตรงใจ เนื่องจากว่าการทำความสะอาดไปเรื่อยแบบไม่ได้ตั้งเป้าหมายจะทำให้เราเหนื่อย และรู้สึกไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งการตั้งเป้าหมายว่าเราตั้งใจจะล้างห้องน้ำอย่างเดียว วันนี้เราก็จะล้างห้องน้ำอย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นจะไม่ทำ ทุกอย่างในบ้านไม่จำเป็นต้องทำให้เสร็จในวันเดียว ค่อย ๆ ทำก็จะช่วยบ้านของเราสะอาดน่าอยู่มากขึ้น
อ่านหนังสือ วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน แล้วได้อะไร
สิ่งแรกที่ได้อ่าน หนังสือ วิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดบ้าน ทำให้เรารู้จักเกี่ยวกับสิ่งสกปรกมากขึ้น และรู้ว่าไวรัสต่าง ๆ เกิดจากอะไรในบ้าน รวมไปถึงวิธีทำความสะอาดบ้านอย่างถูกต้อง ทำให้เรารู้ว่าการทำความสะอาดบ้านเป็นงานที่มีคุณค่า บ้านสะอาด สุขภาพก็แข็งแรง ดังนั้นงานทำความสะอาดบ้านไม่ใช่งานที่ปราศจากคุณค่า แต่กลับกันเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถในระดับหนึ่ง เพื่อให้การทำความสะอาดออกมาสะอาดจริง ๆ อีกทั้งงานทำความสะอาดก็มีหลักวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เหมือนกัน ทำให้อ่านแล้วได้ความรู้ในแง่ที่เราไม่อาจจะรู้มากก่อนในการทำความสะอาดบ้าน