รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra โรโบร็อค แม็กซ์วี อัลตรา หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ถูพื้น ซักผ้า เก็บฝุ่นเอง ที่ช่วยให้เราสบายขึ้น โดยเรามีหน้าที่แค่เติมน้ำดี เทน้ำเสีย และเอาถุงเก็บฝุ่นจากตัว Dock ไปทิ้งเท่านั้น จริงเหรอ บอกเลยว่าจริง เพราะนี่คือรุ่นท็อปสุดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Roborock ในขณะนี้
บอกก่อนว่า ส่วนตัวไม่เคยใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาก่อนเลย ปกติใช้แต่เครื่องดูดฝุ่นของ Dyson V12 Detect Slim Total Clean ซึ่งเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งใช้ดีทุกอย่าง แต่เหนื่อยที่ต้องมาดูดเองทุกอาทิตย์ และไม่ค่อยชอบถูบ้านด้วย อีกทั้งฝุ่นในบ้านมีมากขึ้น เลยต้องดูดฝุ่นถี่ขึ้น (ขนาดดูดฝุ่นในบ้านอาทิตย์ละครั้งยังเหนื่อย) ซึ่งเราเลยต้องหาตัวช่วย นุ่นก็คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และต้องถูบ้านได้ด้วย ซึ่งยังมีข้อแม้อีกว่าเราไม่ค่อยอยากมาเปลี่ยนน้ำ หรือเทฝุ่นที่ตัวหุ่นยนต์บ่อย ๆ หลังจากศึกษามาได้สักระยะหนึ่ง ก็มาลงตัวที่ Roborock S7 MaxV Ultra นั่นเอง เพราะตอบโจทย์ทุกอย่างที่กล่าวมาเกือบหมด โดยจะมารีวิวเป็นลำดับข้อ ๆ
โดยรีวิวนี้จะไม่ได้ระบุสเปค อย่างไร แรงดูดเท่าไร เพราะคิดว่าทุกคนน่าจะหาข้อมูลกันได้เองอยู่แล้ว ซึ่งรีวิวนี้จะเน้นฟีลลิ่งล้วน ๆ ว่าใช้งานแล้วเป็นอย่างไร เจออะไรบ้าง
รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
- รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra การใช้งานจริง ส่วนของตัวเครื่องดูดฝุ่น
- รีวิวการใช้งานจริง ส่วนของตัว Dock ฐานเครื่องดูดฝุ่น
- รีวิวในด้านการใช้งานของแอปพลิเคชัน Roborock
- ข้อที่ควรพิจารณาของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra
- Roborock S7 MaxV Ultra ราคาเท่าไร ซื้อที่ไหนราคาดีสุด
- สรุป หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra ดีไหม ควรซื้อไหม เหมาะกับใคร
รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra การใช้งานจริง ส่วนของตัวเครื่องดูดฝุ่น
มากันที่ส่วนของตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นกันก่อน Roborock S7 MaxV Ultra ว่าใช้งานดีแค่ไหน
1. การทำความสะอาดของการดูดฝุ่นและถูพื้นที่ สะอาดจริง ถึงแม้ใช้โหมดทั่วไปก็ตาม

การดูดฝุ่นและการถูพื้น ของหุ่นยนต์ Roborock S7 MaxV Ultra เรียกได้ว่าเนียนกริบ ถึงแม้จะใช้น้ำเปล่าก็ตาม (Roborock ไม่แนะนำให้ใส่น้ำยาอะไรลงไป ยกเว้นน้ำยาที่มาจากทาง Roborock เท่านั้น) การดูดฝุ่นเรียกได้ว่าสะอาดมาก ๆ ฝุ่นน้อยลงทันตาเห็น ซึ่งส่วนตัวตั้งค่าให้ดูดฝุ่นแบบ Balance และถูพื้น Moderate ซึ่งเป็นการตั้งค่าพื้นฐานที่เครื่องให้มาแล้ว โดยระยะเวลาทำงานคือประมาณ 30 นาทีต่อ 1 ชั้น ซึ่งที่บ้านมี 2 ชั้น ก็ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว (แอบบอกก่อนบ้านที่อยู่นั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก พื้นที่ใช้สอยราว ๆ 120 ตารางเมตรเท่านั้น)
ซึ่งวิธีการเอาขึ้นไปชั้นสอง หลายคนอาจสงสัยว่าต้องเอา Dock ขึ้นไปไหม ไม่ต้องเอาขึ้นไปก็สามารถให้เครื่องทำงานได้ตามปกติ ทั้งดูดฝุ่นและถูพื้นไปพร้อมกัน ซึ่งที่บ้านนั้น พื้นที่ชั้น 2 ไม่ได้ใหญ่มาก ทำให้สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นเสร็จได้ในครั้งเดียว ตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นไม่ต้องกลับเข้า Dock ในระหว่างที่ทำงานเลย จะกลับเข้า Dock ทีเดียวเมื่อทำงานเสร็จ ยกเว้นบ้านใครใหญ่หน่อย หรือตั้งเวลาให้เครื่องดูฝุ่นกลับมาซักผ้าบ่อย ๆ ก็อาจจะต้องอุ้มขึ้นอุ้มลง ซึ่งส่วนตัวถ้าทำแบบนั้นน่าจะเหนื่อยอยู่
แน่นอนว่าการที่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาทั้งเก็บฝุ่น และถูบ้านในตัว เรียกว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ๆ ไม่ต้องเหนื่อยทำเองอีกแล้ว อีกทั้งถูพื้นคิดว่าสะอาดกว่าที่ตัวเองทำ เพราะว่าส่วนตัวไม่ชอบถูพื้นมาก ๆ เพราะจะชอบเป็นคราบ คราบน้ำ หรือพื้นที่แห้งช้า แต่สำหรับหุ่นยนต์เครื่องนี้ ยอมใจสะอาดจริง เพราะแรงถูแบบไม่ได้ลากอย่างเดียว ใช้แรงสั่นสะเทือน ทำให้พื้นสะอาด ไม่ลื่นพร้อมแห้งไว เวลาเดินคือฝุ่นไม่ติดเท้า แถมไม่เหนียวเท้าด้วย
2. การหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ธรณีประตู ห้องน้ำต่างระดับ การปีนพรม ทำได้ดีแค่ไหน

เริ่มจากการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ถ้าสิ่งของนั้นวางอยู่เฉย ๆ ยากมากที่จะเข้าไปชน หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้นับว่าฉลาดมาก เพราะว่ามีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง หรือว่าเวลาเราเดิน แน่นอนว่าก็ยากที่จะมาชนเรา พูดง่าย ๆ คือถ้าเราไม่ได้จงในเอาของหล่น เอาของไปขวางแบบโยนไป ไม่มีทางเลยที่เครื่องจะชนจัง ๆ โอกาสน้อยมาก
ส่วนที่เป็นธรณีประตู ตรงส่วนที่เป็นประตูกระจก ซึ่งส่วนนี้จะมีแค่รางกระจก ระดับเตี้ยมาก น้องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S7 MaxV Ultra สามารถข้ามได้อย่างง่าย ๆ สบาย ๆ พร้อมทั้งดูดฝุ่นในร่องธรณีประตูให้ด้วย แต่ถ้าเป็นทางต่างระดับ เช่นห้องน้ำ ที่มักจะเตี้ยกว่าพื้นห้องปกติหลายเซนติเมตร หุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะรู้ว่ามีพื้นต่างระดับอยู่นะ ไม่ตกชัวร์ ดังนั้นหายกังวลใจได้ รวมไปถึงเวลาเอาไปใช้ชั้น 2 ตรงโถงทางเดิน น้องก็ไม่ตกลงมาเช่นกัน
ส่วนการปีนพรม ต้องแจ้งก่อนว่าที่บ้านมี พรม 3 แบบ
- พรมเสื่อ PDM Brand เป็นพรมพลาสติก ไว้ประดับตกแต่งบ้าน
- พรมอิเกีย ขนสั้น
- พรมอิเกีย ขนยาว สำหรับหน้าห้องน้ำ
ซึ่งตัว Roborock S7 MaxV นั้น สามารถปีนพรมเสื่อ PDM และพรมอิเกียขนสั้นได้แบบไม่มีปัญหา ไม่มีติดขัด ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าให้จะให้ดูดฝุ่นบนพรมอย่างเดียว หรือจะให้ถูพื้นด้วยเมื่ออยู่บนพรม ส่วนตัวพรมขนสั้นผืนเล็กนิดนเดียว พรมเสื่อ PDM ผืนใหญ่กว่ามาก เลยตั้งค่าให้ถูพื้นไปด้วยเลย
แต่กับพรมอิเกียขนยาวนี่ มีปัญหาค่อนข้างเยอะมาก เพราะว่าตัวเครื่องเองพยายามจะปีนพรมขึ้นไป พอปีนขึ้นไปตัวที่เป็นหนวดเครื่องไว้สำหรับโกยฝุ่น จะพันเข้ากับพรมขนยาว แล้วเครื่องก็จะติด ไม่สามารถทำงานต่อได้ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนบนแอป Roborock เราก็ต้องเดินไปช่วยเอาออกมา ซึ่งวิธีการแก้ไขก็ตั้ง No Go Zone บนแอป ส่วนที่เราไม่ต้องการให้เครื่องไปทำความสะอาด ก็เป็นบนพรมขนยาวนั่นแหละ ก็ไม่เกิดปัญหาอีกเลย
3. ทำความสะอาดนานไหม ใช้เวลากี่นาที และทำความสะอาดรอบนึงใช้แบตเท่าไร
ต้องแจ้งก่อนว่าบ้านตัวเองไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แค่ 120 ตารางเมตรเท่านั้น ชั้น 1 ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แบตเตอรี่จะใช้ไปราว 20% จากแบตเตอรี่ 100% ส่วนชั้น 2 ก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงเช่นกัน ใช้แบตเตอรี่ราว 20% เหมือนกัน ดังนั้น เวลาทำความสะอาด 1 ชั่วโมงใช้แบตเตอรี่ไป 40% ส่วนการชาร์จนั้น จาก 60% ไปที่ 100% จะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น หลังจากที่ตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลับเข้า Dock ก็เรียกว่าไม่นานเลย ใครที่เน้นทำความสะอาดบ่อย ๆ เช้าหนึ่งครั้ง เย็นหนึ่งครั้ง ก็ชาร์จทัน ส่วนตัวใช้ 2 ชั้น ก็นับว่าเป็น 2 รอบ ก็ไหว
รีวิวการใช้งานจริง ส่วนของตัว Dock ฐานเครื่องดูดฝุ่น
ตัวเครื่องดูดฝุ่นจริง ๆ จะชื่อว่า Roborock S7 MaxV ส่วนคำว่า Ultra นั้นจะเป็นส่วนของ Dock ที่เป็นฐานเครื่องดูดฝุ่นที่ครบครัน ทั้งที่เก็บน้ำดี ที่เก็บน้ำเสีย ส่วนตรงที่เป็นที่เก็บฝุ่น เป็นรุ่น Top สุดของ Roborock ในขณะนี้ ว่า Dock ตรงนี้ทำอะไรได้บ้าง
1. Ultra Dock คือฐานชาร์จ ซักผ้า เก็บฝุ่น เรามีหน้าที่เติมน้ำดี เทน้ำเสีย เอาถุงฝุ่นไปทิ้ง

ตัว Dock เรียกได้ว่าเป็นฐานทัพของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเลยก็ว่าได้ เอาจากเรื่องความถี่ในการเติมน้ำดี กับเทน้ำเสียก่อน อย่างที่บอกไปว่า หนึ่งวันเราใช้ 2 ครั้ง ชั้นละ 1 ครั้ง มี 2 ชั้น การเติมน้ำดี เทน้ำเสีย จะบอกเลยว่า สามารถดองไว้จน 1 อาทิตย์ได้เลย ซึ่งถ้าน้ำดีใกล้หมด หรือน้ำเสียใกล้เต็ม แอป Roborock ก็จะแจ้งเตือนด้วย แต่ส่วนตัวน้ำดี 1 อาทิตย์เติมทีนึง แต่น้ำเสียเททิ้งทุกวัน เพราะว่าน้ำเสียมันมีกลิ่น รู้สึกไม่ดีเท่าไร แต่ตัวถังน้ำดีน้ำเสีย มีตัวล็อกและเก็บกลิ่นนะ อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวเฉย ๆ ไม่อยากเก็บน้ำเสียไว้นาน
ส่วนที่เป็นถุงเก็บฝุ่นนั้น เมื่อเต็มแล้วค่อยเอาไปทิ้งทั้งถุงได้ ส่วนตัวยังไม่เต็ม เพราะใช้มา 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งได้แอบไปอ่านรีวิวคนอื่นมา หลายคนบอก 6 เดือน ถุงนี้ถึงจะเต็มก็มี เลยรู้สึกแบบ ช็อคมาก คือนานสุด ๆ แต่ระบบในคู่มือแนะนำให้เปลี่ยนทุก 2 เดือนแต่เดี๋ยวรอของตัวเองก่อน เพราะแต่ละบ้านมีสิ่งสกปรก ที่ไม่เหมือนกัน มีขายราคา 349 บาท สำหรับ 3 ถุงด้วยกันหรือ 629 บาท/6 ถุง มีขายในเว็บไซต์ของ Roborock และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
2. Dock ซักผ้าสะอาดหรือไม่ ผ้าถูพื้นแห้งเร็วไหม จำเป็นต้องซื้อที่เป่าลมร้อนเพิ่มหรือเปล่า

(ไม่ได้มีการปรับแสงภาพแต่อย่างใด ความสว่างของภาพอาจไม่เท่ากัน)
จุดเด่นอีกเรื่องนั่นคือการซักผ้าแบบอัตโนมัติ เมื่อถูพื้นเสร็จเราสามารถสั่งให้เครื่องกลับมาซักผ้าได้ หรือเมื่อครบรอบก็จะกลับมาซักผ้าเอง หรือจะตั้งเวลาก็ได้เช่นกัน ซึ่งการซักผ้าอัตโนมัติสะอาดมั้ย บอกเลยว่าสะอาดในระดับที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว นั่นคือด้านหน้าและตรงกลางของผ้า ถือว่าสะอาดพอสมควรเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นด้านหลังจะมีร่องรอยคราบฝุ่นและความสกปรกหลงเหลือบ้างนิดหน่อย แต่ดีตรงที่ว่าเราไม่ต้องดึงผ้าออกมาซักเองตลอด ถ้าใครต้องการความสะอาดมาก ๆ แนะนำว่าอาจจะซักเอง ทุก 1-2 อาทิตย์
ต้องบอกก่อนว่าตัวเครื่องที่เป็นเครื่องเป่าลมนั้น จะเป็นออฟชั่นเสริมเพิ่มเติม ไม่ได้มาให้ ซึ่งส่วนตัวจากที่ได้ใช้งานมา 1 เดือน และใช้งานถูพื้นทุกครั้ง มันก็แห้งดีภายใน 1 วัน เพราะส่วนที่ตั้ง Dock ของตัวเองจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น มีลทพัดเข้าออกบ่อย ผ้าถูเลยแห้งอยู่แล้ว ส่วนตัวเลยคิดว่า ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไร
รีวิวในด้านการใช้งานของแอปพลิเคชัน Roborock
ต้องบอกเลยว่าการใช้งานแอปพลิเตชัน Roborock ค่อนข้างใช้งานง่ายมาก ๆ เพียงแค่เชื่อมต่อเครื่องเข้ากับแอป และ WiFi 2.4 GHz เท่านี้เราก็สามารถสั่งการ Roborock ของเราได้ทันที
1. การสแกนแผนที่ออกมาถือว่าแม่นยำมาก รู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน ตั้งค่า No Go Zone ก็ง่าย
อย่างที่บอกไปว่าส่วนตัวยังไม่เคยใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านเลย เลยไม่รู้ว่าการสแกนผังบ้านคือแม่นยำมาก ๆ รู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน ตรงไหนเป็นกำแพง ตรงไหนเป็นสิ่งกีดขวาง รู้ด้วยนะตรงไหนคือเป็นเตียง ตรงไหนเป็นชั้นวางทีวี บริเวณไหนเป็นพรม ส่วนที่เรามีปัญหาคือตรงบริเวณพรมขนยาว เครื่องชอบไปติดตรงนั้นก็ตั้ง No Go Zone ไปได้เลย ก็สะดวกดี
อีกทั้งตัว Maps ก็สามารถแยกได้ด้วยนะว่าเป็นชั้น 1 หรือ ชั้น 2 จะฉลาดไปไหน ผังของแต่ละชั้นก็จะแยกออกจากกันโดยชัดเจน ทำให้คนที่มีบ้านหลายชั้น ก็แยก Maps ได้
แล้วก็มีบอกด้วยว่าในระหว่างที่เครื่องทำความสะอาดนั้น เครื่องทำความสะอาดตรงไหนมาแล้วบ้าง โดยจะลากเป็นเส้น ๆ ให้เห็นชัดขึ้นมาก ๆ ตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด ก็จะรู้เลย
2. สั่งการให้หุ่นยนต์ กลับเข้า Dock ดูดฝุ่นไปเก็บ หรือซักผ้าก็ได้ หรือจะตั้งเวลาให้ทำงานอัตโนมัติก็โอเค
ส่วนตัวเป็นมนุษย์ขี้เกียจ ก็สั่งการให้เครื่องทำความสะอาดชั้นล่างของบ้าน 07.00 น. ของทุกวันไปเลย ครึ่งชั่วโมงก็ทำความสะอาดเสร็จ แล้วค่อยยกเฉพาะตัวหุ่นยนต์ไปยังชั้นบน ให้ทำความสะอาดต่อ เสร็จแล้วค่อยกลับมาวางชั้นล่าง ให้น้องกลับเข้า Dock เอง หรือถ้าใครสะดวกเวลาไหน ก็ตั้งเวลาเอาได้ บางคนให้ทำความสะอาดช่วงดึก ตอนที่ทุกคนนอน ในบริเวณชั้นล่าง ก็มี หรือใครที่ทำงานออฟฟิศระหว่างวัน ให้ทำความสะอาดช่วงเที่ยงตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้านก็ทำได้เช่นกัน ปรับได้ตามไลฟ์สไตล์เรา
ส่วนการสั่งงานให้เครื่องหยุดทำงาน กลับเข้า Dock ดูดฝุ่นออก หรือจะให้กลับไปซักผ้า คือง่ายมาก แค่กดที่แอปพลิเคชันเท่านั้นเอง ไม่ยากเลย เพราะ UX UI ออกแบบในแอปออกมาค่อนข้างดีเลย
3. ตั้งค่าแรงดูด หรือแรงในการถูพื้นได้อีก หรือตั้งค่าแบบ Advance ก็ได้
ถ้าใครใช้งานทั่วไป โหมดปกติจะเป็นการดูดฝุ่นแบบ Balanced ส่วนการถูพื้นจะเป็นแบบ Mild ซึ่งเราสามารถตั้งค่าความละเอียดแบบมากขึ้นไปอีก
ความแรงในการดูดฝุ่นมี 4 ระดับ
- Quiet
- Balanced
- Turbo
- Max
ส่วนความแรงในการถูพื้นมี 3 ระดับ
- Mild
- Moderate
- Intense
หรือจะตั้งค่าแบบ Advance ไปอีก เช่นแต่ละห้อง ห้องนี้ใช้ความแรงในการดูหรือการถูมากกว่าห้องอื่น ก็ตั้งค่าตามสบายเลย
ข้อที่ควรพิจารณาของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra

เมื่อมีข้อดีต่าง ๆ ไปแล้ว ก็ต้องมีข้อเสียอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น
1. ไม่ถูกกับพรมขนยาว เพราะชอบไปติดพรมขนยาว
ต้องบอกก่อนว่า พรมขนสั้นกับพรมเสื่อ เรียกได้ว่าไม่มีปัญหาเลย มีปัญหาเฉพาะพรมขนยาว เพราะเมื่อเครื่องพยายามปีนขึ้น ไอ้ตัวหนวดยาว ๆ ที่ไว้ช่วยโกยเสิ่งสกปรกเข้าไปใต้เครื่องจะไปพันกับพรมขนยาว ทำให้เครื่องติดแหง่ก เราก็ต้องมีหน้าที่ช่วยมันออกมา ซึ่งวิธีป้องกันจริง ๆ ทำให้คือเราก็ตั้งค่าให้เครื่องไม่ต้องปีนพรมก็ได้ แต่ส่วนตัวคิดว่ามันไม่ตอบโจทย์เท่าไร เพราะเราก็ยังอยากให้เครื่องปีนพรมขนสั้นกับพรมเสื่อก่อน หรือจะอีกวิธีที่ส่วนตัวใช้เลยคือทำ No Go Zone ตรงบริเวณพรมขนยาว ก็ถือว่าช่วยได้มากเลยทีเดียว แต่ก็คาดหวังว่า รุ่นหน้า จะพัฒนาได้มากกว่านี้
2. ต้องการการดูแลรักษา และมีค่าบำรุงรักษารวมถึงอะไหล่อื่น ๆ

ใครที่คิดว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S7 MaxV Ultra (รวมไปถึงแบรนด์อื่น ๆ) แล้วชีวิตจะสบายแบบ ให้เครื่องทำงานอย่างเดียว ไม่ต้องทำอะไรเลย บอกเลยว่าถูกแค่ครึ่งเดียว ถูกตรงที่เราไม่ต้องทำงานทำความสะอาดรูทีน แต่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นต้องการการดูแลเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดตัวเครื่อง ฟิลเตอร์ เอาถุงดักฝุ่นไปทิ้ง เติมน้ำดี เทน้ำเสีย รวมไปถึงต้องมีค่าอะไหล่สิ้นเปลืองอีก ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์ที่ต้องเปลี่ยน ถุงดูดฝุ่น หรือใครจะใช้ส่วนเสริมอย่างน้ำยาทำความสะอาดที่มาจากทาง Roborock เท่านั้น ของพวกนี้มีราคาค่าตัวอยู่ไม่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดีตรงที่ มีให้ซื้อเพียบ ไม่ต้องกลัวอะไหล่หายากเลย
3. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S7 MaxV Ultra ราคาค่อนข้างสูง
ราคาค่าตัวของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S7 MaxV Ultra ราคาถือว่าสูงพอสมควร เรียกว่าราคานี้เป็นราคาที่ต้องคิดมากพอสมควร โดยจากที่เราสำรวจมา ราคาที่ขายแบบลดแล้ว (แต่ไม่รวมพวกโค้ดส่วนลดต่าง ๆ) ราคาจะอยู่ที่ 35,799-42,000 บาท ซึ่งราคาตรงนี้ถือว่าค่อนข้างแกว่งมาก ๆ แต่ราคาถือว่าสูงอยู่ดี ใครที่ต้องการซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ ก็ต้องชั่งใจพอสมควร แต่ส่วนตัวถือว่าคุ้มค่าเงินนะ
Roborock S7 MaxV Ultra ราคาเท่าไร ซื้อที่ไหนราคาดีสุด
Roborock S7 MaxV Ultra มีขายหลายที่มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของทาง Roborock เอง, Shopee, Lazada, LINE Shop, TikTok Shop, Central Online และ NocNoc ซึ่งราคาที่ขายแบบลดแล้ว แต่ยังไม่รวดโค้ดส่วนลดต่าง ๆ อยู่ที่ 35,799-42,000 บาท
แต่ที่ตัวเองสั่งซื้อมา คือมาจาก NocNoc ได้ราคามาพิเศษสุด ๆ เพราะว่ามีโค้ดส่วนลดจาก NocNoc ด้วย ราคาอยู่ที่ 31,611 บาทเท่านั้น ทำให้ซื้อจากที่นี่เลยทันที เพราะว่าเราลองเลือกช้อปมาหลายที่แล้ว ยังไม่มีราคาที่ไหนถูกเท่าที่นี่ แนะนะว่าดูโค้ดส่วนลดแต่ละช่วงเวลาด้วยก็ดีนะ
สรุป หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รีวิว Roborock S7 MaxV Ultra ดีไหม ควรซื้อไหม เหมาะกับใคร
ตอบเลยว่าดี ควรซื้อ ไม่ได้ป้ายยาอะไรนะ แต่เป็นเครื่องมือทำความสะอาดบ้านแบบรู้อย่างนี้ ซื้อนานแล้ว เพราะช่วยทุ่นแรงได้มาก ๆ แล้วเราเอาเวลาไปทำความสะอาดอย่างอื่นแทน ทำให้บ้านดูสะอาดเกือบตลอดเวลา จากที่เมื่อก่อนเป็นคนดูดฝุ่นถูพื้น อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทำให้บ้านค่อนข้างเหนียว มีฝุ่นเกาะเท้า แต่พอได้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้มา สบายใจ พื้นบ้านสะอาด โดยที่เราไม่ต้องทำเอง
เหมาะกับคนที่เหนื่อยกับการทำงานบ้านแบบรูทีนอย่าง ดูดฝุ่น กวาดบ้าน รวมไปถึงถูบ้าน เพราะช่วยลดเวลาการทำงานได้มาก ๆ แล้วเราเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ผ่อนแรงได้มาก และเหมาะกับคนที่มี Budget หรือเงินจำนวนหนึ่ง เพราะราคาถือว่าค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว
ดูดฝุ่น ถูพื้น พร้อมกับเก็บฝุ่นเข้า Dock เอง ซักผ้าถูเอง แบบอัตโนมัติ
ราคาอยู่ที่ประมาณ 35,799-42,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่จำหน่าย
เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการทำงานบ้านรูทีน อย่างกวาดบ้านและถูพื้น ช่วยประหยัดเวลาได้มาก